อาซาอี เบอร์รี่ (Acai Berry) สุดยอดอาหารต้านมะเร็ง

อาซาอ เบอรร Acai Berry สดยอดอาหารตานมะเรง

อาซาอี เบอร์รี่ (Acai Berry) สุดยอดอาหารต้านมะเร็ง Super Antioxidants

.Acai อ่านออกเสียงว่า อา-ซา-อี หรือที่เรียกกันว่า อาซาอี เบอร์รี่ (Acai Berry) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Euterpe oleracea มีถิ่นกำเนิดในป่าอเมซอน ในทวีปอเมริกาใต้ เป็นพืชตระกูลเดียวกับปาล์มแต่มีลักษณะคล้ายกับเบอร์รี่ โดยลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 เซนติเมตร สูงประมาณ 20 เมตร เมื่อต้นอาซาอีอายุครบ 4-5 ปีก็จะเริ่มให้ผลผลิต ต้นอาซาอีแต่ละต้นจะมีการออกผล 4-8 ทะลายต่อปี ในหนึ่งทะลายจะให้ผลอาซาอีประมาณ 6 กิโลกรัม ผลสีม่วงเข้มของอาซาอีนั้นมีลักษณะคล้ายกับบลูเบอร์รี่ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-2 เซนติเมตร ในหนึ่งผลจะมีส่วนที่เป็นเมล็ดมากกว่าเนื้อ

คนพื้นเมืองโบราณที่อาศัยอยู่พื้นที่ราบลุ่มอเมซอนนั้นถือว่าอาซาอีเป็นผลไม้ศักดิ์ช่วยเพิ่มพละกำลังในการออกรบ ปัจจุบันชาวอเมโซเนี่ยน ก็ยังคงนำอาซาอีมาประกอบหารทั้งหวานและคาว เมื่อไม่กี่ปีมานี้ อาซาอี เบอร์รี่ ได้รับความนิยมมากในสหรัฐอเมริกาเมื่ออาซาอี เบอร์รี่ ถูกเสนอชื่อเป็น ซุปเปอร์ฟู้ดในรายการโอปราห์วินฟรีย์โชว์” และต่อมาก็แพร่หลายเข้ามาในยุโรป ในฐานะ 1 ใน 10 ของซุปเปอร์ฟู้ด ปาล์มเบอร์รี่ลูกเล็กๆ สีม่วงเข้มนี้ยังถูกยกเป็น ซุปเปอร์แอนตี้ออกซิแดนท์ มีสารแอนติออกซิแดนท์มากกว่าพืชที่อยู่ในตระกูลเบอร์รี่อย่าง บลูเบอร์รี่ สตอเบอร์รี่ หรือแคนเบอร์รี่ มีสารแอนติออกซิแดนท์ มากกว่าองุ่นถึง 10 เท่า มากกว่าบลูเบอร์รี่  2-3 เท่า บางการศึกษาพบว่ามีการเชื่อมโยงระหว่างสารต้านอนุมูลอิสระและการป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง

มีการวิเคราะห์เปรียบเทียบในทดลองพบว่าความสามารถในการต้านสารอนุมูลอิสระของเลือดสูงขึ้นในเวลา 2 ชั่วโมงหลังจากได้รับ อาซาอี Freeze-dried นอกจากนี้ยังมีผลการทดลองที่พบว่าสารต้านอนุมูลอิสระในเลือดสูงขึ้นหลังจากได้รับอาซาอีเบอร์รี่ที่ใส่เปลือกสีม่วง ในขณะที่เนื้อสีขาวนั้นแทบไม่มีสารแอนติออกซิแดนท์อยู่เลย จากการตรวจวัดความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระของสารแอนติออกซิแดนท์ โดยวิธี TEAC หรือ Trolox equivalent antioxidant capacity (ประมาณว่าเทียบกับวิตามิน E) โดยเทียบผลไม้ชนิดต่างๆ ที่ได้ชื่อว่ามีสารแอนติออกซิแดนท์สูง พบว่าผลไม้ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เรียงลำดับจากมากไปหาน้อยดังต่อไปนี้

อะเซโรล่าเชอร์รี่ > มะม่วง > สตรอเบอร์รี่ > องุ่น > อาซาอี > ฝรั่ง > หม่อน > Graviola (ทุเรียนน้ำ) > เสาวรส > Cupuacu (คูพูอัสซู) > สับปะรด

ส่วนอีกการทดสอบหนึ่งจะใช้วิธีโอแรค ORAC(Oxygen Radical Absorbance Capacity) เพื่อหาค่าโอแรค ถ้ามี ORAC Score สูงก็สามารถต้านทานมะเร็งหรือการเสื่อมของเซลล์ได้สูง ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก พบว่าอาซาอีมีค่า ORAC Score สูงกว่าแคนเบอร์รี่และบลูเบอร์รี่

คุณค่าทางโภชนาการของอาซาอี เบอร์รี่ ในปริมาณ 100 กรัม (Açai Freeze-dried ทั้งส่วนเปลือกและเนื้อ)

• พลังงาน 533.9 กิโลแคลอรี่

• คาร์โบไฮเดรตรวมทั้งหมด  52.2 กรัม  

  – ใยอาหาร 44.2 กรัม  

  – น้ำตาล 1.3 กรัม

• โปรตีน 8.1 กรัม

• ไขมันทั้งหมด  32.5 กรัม  

  -ไขมันอิ่มตัว 7.83 กรัม 

  -ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 19.7 กรัม

  -ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 4.32 กรัม 

• วิตามิน A 1002 หน่วยสากล

• แคลเซี่ยม 260 มิลลิกรัม

• ธาตุเหล็ก 4.4 มิลลิกรัม

• โซเดี่ยม 30.4 มิลลิกรัม

ประโยชน์ของอาซาอี เบอร์รี่

1. ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง ชลอการเสื่อมของเซลล์ ชลอความแก่

.อาซาอี เบอร์รี่ เป็นอาหารที่มีสารต้านการเกิดอนุมูลอิสระหลายชนิดที่สามารถป้องกันการเกิดปฎิกิยาออกซิเดชั่นภายในเซลล์ร่างกาย ซึ่งเป็นที่มาของสารก่อมะเร็ง และพบว่ามีอยู่ในปริมาณที่สูงเมื่อเทียบกับเบอร์รี่ชนิดอื่น สารแอนติออกซิแดนท์เด่นๆ ที่พบว่ามีมากได้แก่

– แอนโทไซยานิน (Anthocyanin)

รงควัตถุสีม่วงเข้ม เป็นสารโพลิฟีนอลชนิดหนึ่งที่สามารถป้องกันและชะลอกระบวนการเกิดออกซิเดชั่น ช่วยป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดอุดตันในสมอง ด้วยการยับยั้งไม่ให้เลือดจับตัวเป็นก้อน ชะลอความเสื่อมของดวงตาและยับยั้งจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรค พบว่าในอาซาอี Freeze-dried เพียง 1 กรัม มีแอนโทไซยานินอยู่มากถึง 3.19 มิลลิกรัมเลยทีเดียว แม้ว่าอาซาอี เบอร์รี่จะมีวิตามินซีค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับบลูเบอร์รี่หรือสตอเบอรี่ แต่อาซาอีเบอร์รี่ ก็อุดมไปด้วยสารโฟลีฟีนอล ที่ทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง ชลอการเสื่อมของเซลล์ จึงช่วยชลอความแก่

– สารเรสเวอร์ราทรอล (Resveratrol)

เป็นสารในกลุ่มโพลิฟีนอล ชนิดเดียวกับที่ผิวองุ่นหรือไวน์แดง เป็นแอนติออกซิแดนท์  ที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวหนังที่เสื่อม จึงอาหารเสริมที่แนะนำในการชะลอวัย ในอาซาอี 1 กรัม มีสารเรสเวอร์ราทรอล ในปริมาณ 1.1 ไมโครกรัม

กรดเฟอรูลิก (Ferulic acid)

การรับประทานอาซาอีช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งผิวหนัง เพราะกรดเฟอรูลิก ในอาซาอี เบอร์รี่ เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมีประสิทธิภาพ รักษาสุขภาพของกล้ามเนื้อต่อต้านผลกระทบจากรังสีอุลตร้าไวโอเลตจึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ กรดเฟอรูลิกยังสามารถป้องกันและชะลอกระบวนการเกิดออกซิเดชั่นจึงถูกใช้สำหรับต่อต้านการแก่ของเซลล์ป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง โรคหัวใจ ไข้หวัด 

สารโฟวานอยด์ 12 ชนิด

ในอาซาอี Freeze-dried เพียงแค่ 1 กรัม มีสารโฟวานอยด์ ในปริมาณสูงถึง 12.89 มิลลิกรัม ซึ่งรวมถึงสารโปรแอนโทไซยานิดิน (Proanthocyanidins) ที่เป็นสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ชนิดเดียวกับที่สกัดจากเมล็ดองุ่น ที่มีหน้าช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวทีเสื่อมโทรมจากอนุมูลอิสระ

2. ช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี  ช่วยเพิ่มระดับของ HDL ป้องกันโรคหัวใจ ป้องกันการอุดตันของเส้นเลือด ช่วยระบบไหลเวียนโลหิต  

ซึ่งประโยชน์ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นมาจากไขมันที่ดี โดยเรามาดูเรื่องของไขมันที่พบในอาซาอี เบอร์รี่กันกันก่อน อาซาอีเป็นเบอร์รี่จากปาล์มจึงมีสารอาหารประเภทไขมัน ซึ่งก็จะต่างจากสตอบอรี่ หรือเบอร์รี่อื่นๆ แต่ไขมันในอาซาอีนั้นเป็นไขมันที่ดีต่อสุขภาพ  ในไขมัน 32.5 กรัม ของอาซาอี Freeze-dried 100 กรัมนั้น ประกอบไปด้วยกรดไขมันดังต่อไปนี้

– กรดปาลมิติก (Palmitic acid) ซึ่งเป็นกรดไขมันชนิดอิ่มตัว พบในปริมาณ 24.1 % 

– กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน กรดลิโนเลอิก (linoleic acid) หรือโอเมก้า 6 พบว่า 12.5 % ของไขมันทั้งหมด เป็นกรดไม่อิ่มที่จำเป็นต่อร่างกายเพราะร่างกายสร้างขึ้นมาเองไม่ได้

– กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว โอเมก้า 9  ตัวที่เรียกว่ากรดโอเลอิก (Oleic acid) ซึ่งมีอยู่มากถึง 56.2 % เลยทีเดียว เราอาจได้ยินคนพูดถึง โอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 กันบ่อยๆ เพราะว่าเป็นกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องรับประทานเข้าไปจากอาหาร ส่วนโอเมก้า 9  นั้นเป็นกรดไขมันที่ไม่จำเป็นเพราะร่างกายเราสามารถสร้างขึ้นมาได้ แต่ถ้าถามว่าสร้างมาจากโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 นั่นเอง แต่ต้องย้อนถามว่าถ้ารับประทานโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ในปริมาณไม่เพียงพอในแต่ละวัน แล้วร่างกายของเราจะเอาวัตถุดิบที่ไหนไปสร้าง โอเมก้า 9  ซึ่งโอเมก้า 6 และโอเมก้า 9  นี่เองที่จะไปเพิ่มไขมันดี ลดไขมันร้าย ลดไตรกลีเซอร์ไลด์ที่เป็นตัวการทำให้เลือดมีความหนืด จึงทำให้เลือดมีการไหลเวียนดี ไม่อุดตัน ผนังเส้นเลือดก็มีความยืดหยุ่นมากขึ้น 

3. ช่วยในเรื่องของผิวหนังให้ดูมีสุขภาพดี 

โอเมก้า 6 และโอเมก้า 9  ที่พบในอาซาอี เบอร์รี่ จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้เซลล์ผิวหนัง ลดอาการแห้งกร้าน แตกขุย รวมถึงริ้วรอยต่างๆ บนผิว และยังช่วยรักษาอาการทางผิวหนังบางชนิด เช่น ผื่นผิวหนังเรื้อรัง ผิวแห้งลอกเป็นเกล็ด ลดการเกิดรังแค ลดอาการผมร่วง

4. ป้องกันการดูดซึมและลดคอเลสเตอรอล 

นอกจาก โอเมก้า 6 และโอเมก้า 9  ในอาซาอี เบอร์รี่ ยังมีไฟโตสเตอรอล ที่เรียกกันว่า เบต้า-ซิโตสเตอรอล (Beta-sitosterol) มากถึง 78-91 % จากซิโตสเตอรอลทั้งหมด ซึ่งสารไฟโตสเตอรอลนี้เองที่จะแข่งขันกับคอเลสเตอรอลในการดูดซึมที่ผนังลำไส้ จึงช่วยยับยั้งการดูดซึมคอเลสเตอรอล ทำให้คอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี (LDL) ลดลง จึงลดการอุดตันของเส้นเลือดและลดโอกาสการเกิดโรคหัวใจ ได้อีกทางหนึ่ง 

5. ช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย ลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ 

เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ในส่วนของคาร์โบไฮเดรตรวมทั้งหมด  52.2 กรัมนั้นพบว่ามีไฟเบอร์หรือเส้นใยอาหารถึง 44.2 กรัมเลยทีเดียว 

6. ช่วยย่อยอาหาร 

ชาวพื้นเมืองแถบลุ่มน้ำอเมซอนรับประทานอาซาอีเพื่อช่วยในการย่อยอาหารมาเป็นเวลานานแล้ว และสารแอนโทไซยานินที่พบว่ามีมากในอาซาอี เบอร์รี่ยังช่วยยับยั้งจุลินทรีย์ก่อโรค ยกตัวอย่างเช่นเชื้ออีโคไล ในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคท้องร่วงและอาหารเป็นพิษอีกด้วย

7. บำรุงสายตา

ใน 100 กรัมของอาซาอี เบอร์รี่อบแห้ง มีวิตามิน  A สูงถึง 1002 หน่วยสากล

8. ช่วยบำรุงสมอง

กรดกลูตามิกที่พบในอาซาอี เบอร์รี่นั้น ช่วยขบวนการเรียนรู้ละจดจำของสมอง เป็นแหล่งพลังงานให้กับสมองได้เป็นอย่างดี

คุณประโยชน์ของผลไม้เมล็ดเล็กๆอย่าง อาซาอี เบอร์รี่ (Acai Berry) ยังมีอีกเยอะนะคะ แต่อย่างไรก็ดีการรับประทานอาซาอี เบอร์รี่ให้ได้สารอาหารสูงสุดคือทานแบบสดๆ แต่เนื่องจากต้นอาซาอีนั้นอยู่ในป่าลึก กว่าจะขนส่งออกมาได้ต้องใช้เวลา ถ้าใช้เวลานานสารอาหารที่มีประโยช์ก็จะลดลงไป ดังนั้นหลังเก็บเกี่ยวด้วยมือก็จะมีการขนส่งเข้าสู่โรงงานภายใน 48 ชั่วโมงเพื่อทำให้อยู่ในรูปของ Freeze-dried หรือไม่ก็อยู่ในรูปของสารสกัด อาซาอี เบอร์รี่ที่เราเห็นกันจึงมักอยู่ในรูปผงสีม่วงที่มีรสออกฝาดๆ คล้ายกับทานบลูเบอร์รี่ผสมช็อคโกแลต ปัจจุบันราคาของอาซาอีนั้นสูงขึ้นมากหลายร้อยเท่า คนท้องถิ่นจึงมักทำเป็นการค้าและผลิตเพื่อส่งออกซะมากกว่า

References :

Alexander G. Schauss, PhD,.Açaí: An Extraordinary Antioxidant-Rich Palm Fruit from the Amazon 

https://fr.wikipedia.org

https://www.researchgate.net

เรียบเรียงข้อมูลโดย : maanow.com