สำหรับผู้ที่กำลังเป็นโรคไต อาหารการกินเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาหารแสลง ที่จะยิ่งทำระบบต่างๆที่ทำงานเกี่ยวข้องกับไต มีการทำงานหนักขึ้น จนเกิดอาการโรคกำเริบ อาหารที่ผู้ป่วยโรคไตควรเลี่ยง ก็มีอยู่หลายรายการด้วยกัน โดยเฉพาะอาหารที่มีโพแทสเซียมหรือฟอสฟอรัสสูง ก็ยิ่งไม่ควรรับประทาน เรามาดูกันว่าอาหารเหล่านั้นมีอะไรบ้าง
อาหารแสลง หรืออาหารที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับคนเป็นโรคไต สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ
1. ผักและผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง อาทิเช่น ดอกกระหล่ำ ผักบุ้ง ผักคะน้า ตำลึง แครอท ผักกาดขาว อะโวคาโด กล้วย มะละกอสุก มะม่วงสุก ส้ม ฝรั่ง เป็นต้น ผักและผลไม้เหล่านี้เป็นพืชที่มีปริมาณของโพแทสเซียมที่ค่อนข้างสูง ซึ่งไตของเรานั้นมีหน้าที่ในการจำกัดโพแทสเซียม และเมื่อไหร่ก็ตามที่เราบริโภคผักและผลไม้ที่มีปริมาณของโพแทสเซียมจำนวนมากเข้าไปก็จะส่งผลทำให้โพแทสเซียมนั้นยังคงตกค้างอยู่ภายในร่างกายของเราอยู่มากและเมื่อโพแทสเซียมตกค้างอยู่ในร่างกายของเรามากๆ ก็จะส่งผลทำให้การทำงานของหัวใจเรานั้นเต้นปกติได้นั่นเอง
2. อาหารที่มีฟอสฟอรัสสูง เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายของเราได้รับฟอสฟอรัสที่มากกเกินไปก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายของเราและทำให้การทำงานของร่างกายของเรานั้นผิดปกติได้ ซึ่งในครั้งบางฟอสฟอรัสอาจจะทำปฏิกิริยาหรือไปจับตัวกับเลือดของเราและทำให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลังได้ ฉะนั้นอาหารที่มีฟอสฟอรัสสูงจึงเป็นอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับคนเป็นโรคไต อาทิเช่น ไข่ นม เนย ถั่วต่างๆ เป็นต้น ซึ่งอาหารเหล่านี้เป็นอาหารที่มีโปรตีนค่อนข้างสูงและฟอสฟอรัสนั้นเป็นส่วนประกอบหนึ่งของโปรตีน ดังนั้นอาหารที่มีโปรตีนสูง ก็จะมีฟอสฟอรัสสูงเช่นกัน
สรุปว่าอาหารที่ผู้ป่วยโรคไตไม่ควรรับประทานเลยก็คือ อาหารที่มีโพแทสเซียมและฟอสฟอรัสสูง เพื่อเป็นการดูแลไตของเราไม่ให้ทำงานหนักมากจนเกินไป ซึ่งอย่างไรก็ตามการรับทานที่มีประโยชน์และการออกกำลังกายก็สามารถช่วยให้ร่างกายของเราแข็งแรงขึ้นได้เช่นกัน เรียกว่าต้องทำใจกันไว้ก่อนกันเลย เพราะอาหารที่ผู้ป่วยโรคไตไม่ควรรับประทานมีอยู่หลายอย่างเหลือเกิน เยอะจนบางท่านอาจจะจำไม่ไหว ดังนั้นทางสมาคมการแพทย์ จึงได้ทำรายการที่ผู้ป่วยโรคไตควรหลีกเลี่ยง
และอาหารที่แพทย์แนะนำ ซึ่งทุกท่านยังสามารถดาวน์โหลดมากเก็บไว้ในสมาร์ทโฟนได้เลย ถ้าหากต้องไปงานเลี้ยง แล้วมีอาหารเยอะแยะวางอยู่ตรงหน้า ก็หยิบมือถือออกกมาเปิดดู ว่ามีอะไรที่ควร หรือไม่ควรรับประทาน โดยเข้าไปดาวน์โหลดฟรีได้ที่ www.kidneythai.org
