วิธีบอกความต้องการ หรือการพูด « want » ในแบบอื่นๆ

วธบอกความตองการ หรอการพด want ในแบบอน

 

วิธีบอกความต้องการ โดยไม่ใช้ « want »

would like

เชื่อว่าทุกคนคงรู้จักคำนี้ กันดีอยู่แล้ว I  would like … เป็นประโยคร้องขออย่างสุภาพ เช่น 

I would like to ask you a question. (ผมขอถามอะไรคุณซักอย่าง) 

What would you like to drink ? (คุณต้องการดื่มอะไร)  I would like some coffee. (ฉันต้องการกาแฟ) ซึงประโยคเหล่านี้เราคงพูดหรือว่าได้ยินกันอยู่บ่อยๆ

could go for

go for หรือ could go for เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะบอกว่าเราต้องการอะไร แต่ส่วนมากมักจะใส่ could ลงไปด้วย อย่างเช่นพอเดินเข้าไปนั่งในร้านอาหารกับเพื่อน ยังไม่ทันจะเปิดดูเมนูเลย แล้วเพื่อนอาจจะหันมาถามว่า  

– What could  you go for ? เธอจะอยากกินอะไร?

– I could go for a pizza. ฉันต้องการพิซซ่า (ถ้ามี) เป็นความต้องการแบบไม่เจาะจงมาก คล้ายๆกับ เอาอันนี้มาก็ได้ แต่ถ้าไม่มีก็เปลี่ยรเป็นอย่างอื่น

– I really could go for some ice cream. (ฉันอยากกินไอศครีมจริงๆเลย)

feel like

ถ้าแปลตรงตัว feel like “รู้สึกว่าชอบ” แต่อย่างว่าภาษาอังกฤษไม่ควรแปลแบบตรงตัว มาดูตัวอย่างกัน

– What do you feel like for dinner ? (เย็นนี้เธออยากกินอะไร?)

– I feel like Japanese food tonight. (คืนนี้ฉันอยากทานอาหารญี่ปุ่น) 

– I don’t feel like going out tonight. (คืนนี้ฉันไม่อยากออกไปเที่ยวเลย)

be in the mood for

สำเนานี้จะคล้ายๆกับ feel like be.  Mood คืออารมณ์ หรือความรู้สึก เวลาที่คุณบอกว่า “คุณ be in the mood for สิ่งใดสิ่งหนึ่ง” แปลว่าในตอนนี้ ขณะนี้คุณกำลังต้องการสิ่งของอันนี้ คือเจาะจงไปเลยว่าอยากได้อะไร อยากได้มากด้วยนะ  แต่อีกชั่วโมงถัดไปคุณอาจจะไป be in the mood for กับของสิ่งอื่น ตัวอย่างประโยค  สมมุติว่าใกล้จะพักทานอาหารกลางวันเพื่อนร่วมงานหันมาถามว่า 

– What are you in the mood for ? (เที่ยงนี้) เธออยากกินอะไร?

– Hmm ! I’m in the mood for seafood. อืม ! ฉันอยากกินอาหารทะเล

– I am not really in the mood for shopping. (ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณไปช็อปปิ้งเลย)

 

would hit the spot

สำนวนนี้หมายถึง ในขณะนี้คุณกำลังต้องการของสิ่งนี้อยู่ ตัวอย่างประโยค Nothing hits the spot on a hot summer day like a good ice cream. ถ้ามีอาหารอะไรที่ hit the spot แปลว่าอาหารชนิดนั้นรสชาติดี จนเป็นที่พอใจของคุณมากๆ ถ้าจะยกตัวอย่างให้เห็นกันชัดๆต้องย้อนกลับไปในปี 1930s ที่มีการคิดค้นเครื่องดื่มโค้กขึ้นมาแล้วก็มีการทำโฆษณาที่ฮิตติดหูคนมากๆ จนน้ำโซดาอัดแก้ส กลายเป็นที่นิยมขึ้นมาอย่างรวดเร็วในยุคนั้น เรียกว่าฮิตกันขึ้นมาเลย 

hit the spot = ฮิตแบบตรงจุดที่ท้องกำลังหิว + และที่หัวที่กำลังนึกถึงสิ่งนั้นอยู่ รูปแบบประโยคคือ  (something) +  would hit the spot. 

have a craving

คำกริยา crave แปลว่าต้องการมาก ต้องการเดี๋ยวนั้นเลย  (= want + desire + เร่งด่วน  + ร้องขอ) ถ้าอาหารก็คือแค่นึกถึงขึ้นมาก็น้ำลายไหลแล้ว เหมือนคนอยากกินส้มแซ่บๆ เจ้าที่เคยกินมาก่อน แค่นึกอยากกินขึ้นมากน้ำลายก็ไหลไว้รอแล้ว

– I have a craving for papaya salad.

-I have a craving for chocolate cake.

หรือจะพูดสั้นๆว่า I crave chocolate. 

dying for

ต้องการมาก (ใจจะขาด) ถ้าเป็นอาหาร อาจจะเป็นอาหารที่เคยกิน ชอบ ไม่ได้กินมานานแล้ว ตัวอย่าง 

– I am dying for the lemon cheesecake  with caramel sauce.

– I enjoyed the Ladurée experience, their macarons and capcianno  are  worth dying for. 

– I’m dying to see you. 

my kingdom for

สำนวนนี้สนุกดีนะคะ เป็นวลีสุดฮิตของเช็คสเปียร์ ในขณะที่เขากำลังเล่นละคร Richard III ในฉากที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดในสนามรบ ม้าของพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 ถูกฆ่าตาย ในระว่างนั้นพระองค์ก็พยายามหาม้าไปด้วยต่อสู้ไปด้วยนานนับชั่วโมง โดยพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 ใช้ดาบฟันทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ขวางหน้าอย่างบ้าคลั่ง ปากก็ตะโกนอยู่ตลอดเวลาว่า “A horse, a horse ! my kingdom for a horse !” ซึ่งแปลได้ว่า พระองค์จะยอมขายทุกอย่างที่มีอยู่ ถ้ามีใครเอาม้ามาให้พระองค์ในตอนนี้ แบบว่ากำลังมีความต้องการเป็นอย่างมาก การนำสำนวนนี้มาใช้ก็ขึ้นอยู่กับอายุของคนพูด ถ้าเป็นเซ็กสเปียร์ตัวน้อยๆที่กำลังขี่จักรยานเล่น แล้วจู่ๆจักรยานเกิดเสียขึ้นมา เขาอาจจะพูดว่า My business for a bike ! แต่ที่ได้ยินในหนัง หรือหนุ่มๆเขาพูดกันบ่อยเวลาอยากได้เบียร์ก็คือ  My kingdom for a beer ! ถ้าใครอยากบอกว่าตัวเองอยากได้ให้ดราม่านิดๆ ก็ลองใช้สำนวนนี้ดู

เป็นอย่างไรบ้างคะ วิธีบอกความต้องการ โดยไม่ใช้คำว่า “want” ทั้ง 8 วิธี ลองเอาไปใช้ดูนะคะ พอยกตัวอย่างของกิน เขียนไป น้ำลายไหลตามไปด้วย โดยเฉพาะเลม่อนชีสเค้ก นี่แหละตัวดีเลย 55+ ขอตัวไปหาอะไรทานก่อนนะคะ